วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

สถานที่ท่องเที่ยว




 น้ำตกห้วยแก้ว(Huaykaew Waterfall)


     น้ำตกห้วยแก้ว น้ำตกวังบัวบาน ผาเงิบ เป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเชียงใหม่อีก ที่หนึ่งน่ะครับโดยเฉพาะ บรรดานักศึกษาที่อยู่ในบริเวณรอบๆ นั้น เช่น มหาลัยเชียงใหม่ เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และ นักเรียน นักศึกษาในตัวเมือง มีบรรยากาศใกล้ชิดกับธรรมชาติ



     น้ำตกห้วยแก้ว น้ำตกวังบัวบาน ผาเงิบ ทั้งหมดนี้จะเรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เดียวกันก็ว่าได้เพราะเป็น สายน้ำที่ใหลลงมาจากต้นน้ำของดอยสุเทพ ลักษณะของสถานที่ท่องเที่ยว จะเป็นมีลักษณะเป็นลำธารไหลผ่านและมีน้ำตกขนาดเล็กเป็นจุดเด่นของแต่ละจุด ซึ่งมีความสูงไม่มากนัก สามารถพาครอบครัว หรือเพื่อนฝูง ไปตั้งวงกินอาหาร หรือเครื่องดืม ได้บรรยากาศร่มรื่น แต่ต้องใช้ความระมัดระวังมากหน่อยในการเดิน เพราะ ลำธารเป็นลักษณะน้ำใหลผ่านโขดหิน ซึ่งมีความลึ่นพอสมควรเลยทีเดียว




      น้ำตกห้วยแก้ว น้ำตกวังบัวบาน ผาเงิบ มีเส้นทาง ศึกษาธรรมชาติ เดินทางด้วยเท้าเชื่อมต่อถึงกัน เดินทางด้วยเท้าเรียบลำธาร เดินทางต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากมีความลื่น และ สูงชัน ระยะทางโดยรวมประมาณ 5 กิโลเมตร โดยเดินทางด้วยเท้าจาก น้ำตกห้วยแก้ว ไปจนถึง น้ำตกวังบัวบาน ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร และเดินทางไปอีก 500 เมตร ก็จะถึง ผาเงิบ





วังบัวบาน(Wangbuaban)


ผาเงิบ (Phangerb)


      อีกหน่อยน่ะครับ ทั้งสามแห่งนี้อยู่ติดข้างทาง ทางขึ้นไป วัดพระธาตุดอยสุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สามารถเอารถไปจอดไว้ข้างทาง แล้วเดินไปได้ ไม่ห่างจากถนนมากนัก ทำไรอย่าทิ้งขยะไว้น่ะครับ มันสกปรก

อ้างอิงและขอขอบคุณ-http://www.sbayura.com

อุปกรณ์ Output Unit



หน่วยแสดงผล (Output Unit)
หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์จากคอมพิวเตอร์ โดยมากจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

หน่วยแสดงผลชั่วคราว (Soft Copy) 
 หมายถึงการแสดงผลออกมาให้ผู้ใช้ได้รับทราบในขณะนั้น แต่เมื่อเลิกการทำงานหรือเลิกใช้แล้วผลนั้นก็จะหายไป ไม่เหลือเป็นวัตถุให้เก็บได้ แต่ถ้าต้องการเก็บผลลัพธ์นั้นก็สามารถส่งถ่ายไปเก็บในรูปของข้อมูลในหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง เพื่อให้สามารถใช้งานในภายหลัง หน่วยแสดงผลที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ คือ


จอภาพ (Monitor) 
 ใช้แสดงข้อมูลหรือผลลัพธ์ให้ผู้ใช้เห็นได้ทันที มีรูปร่างคล้ายจอภาพของโทรทัศน์ บนจอภาพประกอบด้วยจุดจำนวนมากมาย เรียกจุดเหล่านั้นว่า พิกเซล (pixel) ถ้ามีพิเซลจำนวนมากก็จะทำให้ผู้ใช้มาองเห็นภาพบนจอได้ชัดเจนมากขึ้น จอภาพที่ใช้ในปัจจุบันแบ่งได้เป็นสองประเภท คือ

จอซีอาร์ที (Cathode Ray Tube)
     นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนมากในปัจจุบัน ใช้หลักการยิงแสงผ่านหลอดภาพคล้ายกับโทรทัศน์ 



 จอแอลซีดี (Liquid Crystal Display)
     นิยมใช้เป็นจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาทำให้เป็นจอภาพที่มีความหนาไม่มาก มีน้ำหนักเบาและกินไฟน้อยกว่าวจอภาพซีอาร์ที แต่มีราคาสูงกว่า เทคโนโลยีจอแอลซีดีในปัจจุบันจะมีสองแบบคือ Passive Matrix ซึ่งมีราคาต่ำแต่ขาดความคมชัดและอาจมองไม่เห็นภาพเมื่อผู้ใช้มองจากบางมุม ส่วน Aciive Matrix หรือบางครั้งอาจเรียกว่า Thin Film Transistor (TFT) จะให้ภาพที่คมชัดกว่าแต่จะมีราคาสูงกว่ามาก 


อุปกรณ์ฉายภาพ (Projector)
     เป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้ในการเรียนการสอนหรือการประชุม เนื่องจากสามารถนำเสนอข้อมูลให้ผู้ชมจำนวนมากเห็นพร้อม ๆ กัน อุปกรณ์ฉายภาพในปัจจุบันจะมีอยู่หลายแบบ ทั้งที่สามารถต่อสัญญาณจากคอมพิวเตอร์โดยตรง หรือใช้อุปกรณ์พิเศษในการวางลงบนเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ (Overhead Projector) ธรรมดา เหมือนกับอุปกรณ์นั้นเป็นแผ่นใส่แผ่นหนึ่ง
     อุปกรณ์ฉายภาพจะมีข้อแตกต่างกันมากในเรื่องของกำลังส่องสว่าง เนื่องจากยิ่งมีกำลังส่องสว่างสูง ภาพที่ได้ก็จะชัดเจนมากขึ้น กำลังส่องสว่างมีหน่วยวัดค่าอยู่ 3 แบบ คือ LUX , LUMEN และ ANSI LUMEN โดยการวัดค่าแบบ LUX จะวัดค่าความสว่างที่จุดกึ่งกลางของภาพ จึงได้ค่าความสว่างสูงที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 แบบ การวัดแบบ จะแบ่งภาพออกเป็น 3 ส่วน คือ บน กลางและล่าง และแต่ละส่วนจะถูกแบ่งออกเป็น 3 จุด คือ ริมซ้าย กลาง และริมขวา รวมจุดภาพทั้งหมด 9 จุด แล้วจึงใช้ค่าเฉลี่ยของความสว่างทั้ง 9 จุดคิดออกมาเป็นค่า LUMEN ส่วนการวัดแบบ ANSI LUMEN จะมีมาตรฐานสูงสุด โดยใช้วิธีเดียวกับ แต่จะกำหนดขนาดจอภาพไว้คงที่คือ 40 นิ้ว (หากไม่กำหนด การวัดค่าความสว่างจะสูงขึ้นเมื่อจอภาพมีขนาดเล็กลง)

อุปกรณ์เสียง (Audio Output)
     คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ๆ มักจะมีหน่วยแสดงเสียง ซึ่งประกอบขึ้นจาก ลำโพง (speaker) และ การ์ดเสียง (sound card) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงในขณะทำงาน หรือให้เครื่องคอมพิวเตอร์รายงานเป้นเสียงให้ทราบเมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ไม่มีกระดาษในเครื่องพิมพ์ เป็นต้น รวมทั้ง สามารถเล่นเกมส์ที่มีเสียงประกอบได้อย่างสนุกสนาน โดยลำโพงจะมีหน้าที่ในการแปลงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ให้เป็นเสียงเช่นเดียวกับลำโพงวิทยุ ส่วนการ์ดเสียงจะเป็นแผงวงจรเพิ่มเติมที่นำมาเสียงกับช่องเสียบขยายในเมนบอร์ด เพื่อช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถส่งสัญญาณเสียงผ่านลำโพง รวมทั้งสามารถต่อไมโครโฟนเข้ามาที่การ์ดเพื่อบันทึกเสียงเก็บไว้ด้วย
เทคโนโลยีด้านเสียงในขณะนี้อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
Weveform audio หรืออาจเรียกว่า digital audio เป็นเทคโนโลยีที่เปรียบเสมือนการเก็บเสียงลงเทปเพลง แต่ในที่นี้จะเป็นการบันทึกเสียงในรูปของ waveform (รูปแบบคลื่นเสียง) ลงในแฟ้มข้อมูลตามฟอร์แมตต่าง ๆ เช่น .WAV ของ windows เป็นต้น ซึ่งสามารถนำเสียงที่บันทึกไว้นี้อ่านกลับมาเป็นคลื่นเสียงออกทางลำโพงได้และเนื่องจากข้อมูลเสียงที่เก็บไว้อยู่ในรูปของดิจิตอล ทำให้การปรับแต่งเสียงสามารถทำได้โดยสะดวก 
MIDI (Musical Instrument Digital Interface) เป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมดนตรีแบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้สำหรับการส่งและแลกเปลี่ยนสัญญาณเสียงในรูปแบบที่อุปการ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถใช้งานได้ โดยจะเป็นเทคโนโลยีที่เปรียบเสมือนการเก็บโน้ตเพลง เนื่องจากข้อมูลแบบ MIDI จะเป็นคำสั่งในการสังเคราะห์เสียงแทนที่จะเป็นเสียงเพลงจริง ๆ และจะใช้อุปกรณ์ ซินธิไซเซอร์ (Sythesizer) ในการรับคำสั่งจากข้อมูล MIDI ทำให้สามารถแก้ไขหรือปรับแต่งเพลงได้ทีละตัวโน้ต รวมทั้งสามารถปรับแต่งจังหวะได้โดยไม่กระทบกระเทือนถึงระดับเสียงของตัวโน้ต

หน่วยแสดงผลถาวร (Hard Copy) 
    หมายถึงการแสดงผลที่สามารถจับต้อง และเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ มักจะออกมาในรูปของกระดาษ ซึ่งผู้ใช้สามารถนำไปใช้ในที่ต่าง ๆ หรือให้ผู้ร่วมงานดูในที่ใด ๆ ก็ได้ อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น

เครื่องพิมพ์ (Printer)
 เป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้กันมาก และมีให้เลือกหลายชนิดขึ้นอยู่กับคุณภาพของตัวอักษร ความเร็วในการพิมพ์ และเทคโนโลยีที่ใช้งาน สามารถแบ่งตามวิธีการพิมพ์ได้ 2 ชนิด คือ


เครื่องพิมพ์ชนิดตอก (Impact printer)
      ใช้การตอกให้คาร์บอนบนผ้าหมึกติดบนกระดาษตามรูปแบบที่ต้องการ สามารถพิมพ์ครั้งละหลายชุดโดยใช้กระดาษคาร์บอนวางระหว่างกระดาษแต่ละแผ่นได้ ข้อเสียของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้คือ มีเสียงดังและคุณภาพงานพิมพ์ที่ได้จะไม่ดีนักสามารถแบ่งเป็น 2 ชนิดย่อย คือ 
1.  เครื่องพิมพ์อักษร (character printer) หมายถึงเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ครั้งละหนึ่งตัวอักษรเท่านั้น ตัวอักษรแต่ละตัวจะถูกสร้างขึ้นจากจุดเล็ก ๆ จำนวนมาก จึงสามารถเรียกอีกอย่างว่า เครื่องพิมพ์แบบจุด (dot matrix printer) นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 
2.  เครื่องพิมพ์บรรทัด (line printer) หมายถึงเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ครั้งละหนึ่งบรรทัด เป็นเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์งานได้เร็ว แต่จะมีราคาสูง นิยมใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ หรือเครื่องพิมพ์ที่มีผู้ใช้หลายคน 

เครื่องพิมพ์ชนิดไม่ตอก (Nonimpact printer)
      ใช้เทคนิคการพิมพ์จากวิธีการทางเคมี ซึ่งทำให้พิมพ์ได้เร็วและคมชัดกว่าชนิดตอก และพิมพ์ได้ทั้งตัวอักษรและภาพกราฟฟิค รวมทั้งไม่มีเสียงขณะพิมพ์ แต่มีข้อจำกัดคือไม่สามารถพิมพ์กระดาษแบบสำเนา (copy) ได้ ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน   
1.  เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser printer) ทำงานคล้ายกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือมีแสงเลเซอร์สร้างประจุไฟฟ้า ซึ่งจะมีผลให้โทนเนอร์ (toner) สร้างภาพที่ต้องการและพิมพ์ภาพนั้นลงบนกระดาษ เครื่องพิมพ์เลเซอร์จะมีรุ่นต่าง ๆ ที่แตกต่างกันในด้านความเร็ว และความละเอียดของงานพิมพ์ โดยในปัจจุบันสามารถพิมพ์ได้ละเอียดสูงสุดถึง 1200 จุดต่อนิ้ว (dot per inchหรือ dpi)  
2.  เครื่องพิมพ์ฉีดหมึก (Inkjet printer) นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ส่วนมากจะสามารถพิมพ์สีได้ ถึงแม้จะไม่คมชัดเท่าเครื่องพิมพ์ชนิดเลเซอร์ แต่ก็คมชัดกว่าเครื่องพิมพ์ชนิดตอก และมีราคาถูกกว่าเครื่องพิมพ์ชนิดเลเซอร์ ทำให้ได้รับความนิยมนำมาใช้งานตามบ้านอย่างมาก
 3.  เครื่องพิมพ์ความร้อน (Thermal printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ให้คุณภาพในการพิมพ์สูงสุด จะมี 2 ประเภท คือ Thermal wax transfer ให้คุณภาพและราคาที่ต่ำกว่า ทำงานโดยการกลิ้งริบบอนที่เคลือบแวกซ์ไปบนกระดาษ ส่วน Thermal dye transfer ใช้หลักการเดียวกับ Thermal wax แต่ใช้สีย้อมแทน จะเป็นเครื่องพิมพ์ที่ให้คุณภาพสูงสุด โดยสามารถพิมพ์ภาพสีได้ใกล้เคียงกับภาพถ่าย แต่ราคาเครื่องและค่าใช้จ่ายในการพิมพ์จะสูงมาก 

เครื่องพลอตเตอร์ (Plotler)
       ใช้วาดหรือเขียนภาพสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูง ๆ นิยมใช้กับงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม มีให้เลือกหลายชนิดโดยจะแตกต่างกันในด้านความเร็ว ขนาดกระดาษ และจำนวนปากกาที่ใช้เขียนในแต่ละครั้ง มีราคาแพงกว่าเครื่องพิมพ์ธรรมดา


อ้างอิงและขอขอบคุณ -http://www.lks.ac.th


อุปกรณ์ Input Unit


หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)

       เป็นหน่วยทำหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้เข้าสู่หน่วยความจำหลัก แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้

อุปกรณ์แบบกด (Keyed Device)
แป้นพิมพ์ (Keyboard) 
         เป็นหน่วยรับข้อมูลที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการป้อนข้อมูลสำหรับเทอร์มินอล และไมโครคอมพิวเตอร์ โดยทั่วไปจะมีลักษณะคล้ายกับแป้นพิมพ์ดีด แต่มีจำนวนแป้นมากกว่า และถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกันคือ
          แป้นอักขระ (Charater Keys) มีลักษณะการจัดวางตัวอักษรเหมือนแป้นบนเครื่องพิมพ์ดีด 
          แป้นควบคุม (Control Keys) เป็นแป้นที่มีหน้าที่สั่งการบางอย่างโดยใช้งานร่วมกับแป้นอื่น 
          แป้นฟังก์ชั่น (Function Keys) คือแป้นที่อยู่แถวบนสุด มีสัญลักษณ์เป็น F1..F12 ซอฟต์แวร์แต่ละชนิดอาจ
กำหนดแป้นเหล่านี้ให้มีหน้าที่เฉพาะอย่างแตกต่างกันไป 
แป้นตัวเลข (Numeric Keys) เป็นแป้นที่แยกจากแป้นอักขระมาอยู่ทางด้านขวา มีลักษณะคล้ายเครื่องคิดเลข ช่วยอำนวยความสะดวกในการบันทึกตัวเลขเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ ยังมีแป้นพิมพ์บางประเภทที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานเฉพาะด้าน เช่น แป้นพิมพ์ที่ใช้ในร้านอาหารแบบเร่งด่วน (fast food restaurant) จะใช้พิมพ์เฉพาะชื่ออาหาร หรือแป้นพิมพ์ที่ใช้กับเครื่องฝาก - ถอนเงินอัตโนมัติ (Automatic Trller Machine) เป็นต้น
        แป้นพิมพ์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันจะใช้รหัส 8 บิตแทนตัวอักษรหนึ่งตัว ทำให้สามารถแทนตัวอักขระได้ทั้งหมด 256 ตัว ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั้งอักขระภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่หากเป็นแป้นพิมพ์ภาษาอื่นก็อาจใช้รหัสในการแทนตัวอักษรแตกต่างกัน เช่น ภาษาญี่ปุ่นซึ่งมีตัวอักษรทั้งหมดประมาณ 50,000 ตัว ต้องใช้รหัส 16 บิตจึงจะแทนตัวอักษรได้ทั้งหมด

อุปกรณ์ชี้ตำแหน่ง (Pointing Devices)
เมาส์ (Mouse) 
       มีหลายขนาดและมีรูปร่างแตกต่างกันไป ที่นิยมใช้มีขนาดเท่ากับฝ่ามือ มีลูกกลมกลิ้งอยู่ด้านล่าง ส่วนด้านบนจะมีปุ่มให้กดจำนวนสอง สาม หรือสี่ปุ่ม แต่ที่นิยมใช้กันมากคือสองปุ่ม ใช้ส่งข้อมูลเข้าสู่หน่วยความจำหลักโดยการเลื่อนเมาส์ให้ลูกกลมด้านล่างหมุน เพื่อเป็นการเลื่อน ตัวชี้ตำแหน่ง (cursor) บนจอภาพไปยังตำแหน่งที่ต้องการบนจอภาพ ทำให้การโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทำให้รวดเร็วกว่าแป้นพิมพ์ ผู้ใช้อาจใช้เมาส์วาดรูป เลือกทางเลือกจากเมนู และเปลี่ยนแปลงหรือย้ายข้อความ เมาส์ยังไม่สามารถใช้ในการป้อนตัวอักษรได้ จึงยังคงต้องใช้คู่กับแป้นพิมพ์ในกรณีที่มีการพิมพ์ตัวอักษร แต่สำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้คอมพิวเตอร์ การใช้เมาส์เพียงอย่างเดียวจะทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยกว่าการใช้แป้นพิมพ์
ลูกกลมควบคุม(Track ball),แท่งชี้ควบคุม(Track point),แผ่นรองสัมผัส (Touch pad) 
อุปกรณ์ทั้งสามแบบนี้มักพบในเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาเพื่อทำหน้าที่แทนเมาส์ เนื่องจากสามารถติดไว้กับตัวเครื่องได้เลย ทำให้พกพาได้สะดวกกว่า และใช้เนื้อที่ในการทำงานน้อยกว่าเมาส์ อุปกรณ์ทั้งสามแบบจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน คือ
1.  ลูกกลมควบคุม จะเป็นลูกบอลเล็ก ๆ ซึ่งอาจวางอยู่หน้าจอภาพในเนื้อที่ของแป้นพิมพ์ หรือเป็นอุปกรณ์ต่างหากเช่นเดียวกับเมาส์ เมื่อผู้ใช้หมุนลูกบอลก็จะเป็นการเลื่อนตำแหน่งของตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพ มีหลักการทำงานเช่นเดียวกับเมาส์ 
2.  แท่งชี้ควบคุม จะเป็นแท่งพลาสติกเล็ก ๆ อยู่ตรงกลางแป้นพิมพ์ บังคับโดยใช้นิ้วหัวแม่มือเพื่อเลื่อนตำแหน่งของตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพเช่นเดียวกับเมาส์ 
3.  แผ่นรองสัมผัส จะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมที่วางอยู่หน้าแป้นพิมพ์ สามารถใช้นิ้ววาดเพื่อเลื่อนตำแหน่งของตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพเช่นเดียวกับเมาส์


จอยสติก (Joystick)
      จอยสติก จะเป็นก้านสำหรับใช้โยกขึ้นลง / ซ้ายขวา เพื่อย้ายตำแหน่งของตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพ มีหลักการทำงานเช่นเดียวกับเมาส์ แต่จะมีแป้นกดเพิ่มเติมมาจำนวนหนึ่งสำหรับสั่งงานพิเศษ นิยมใช้กับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์หรือควบคุมหุ่นยนต์


จอภาพระบบไวต่อการสัมผัส (Touch-Sensitive Screen
จอภาพระบบสัมผัส (Touch Screen) 
         เป็นจอภาพแบบพิเศษซึ่งผู้ใช้เพียงแตะปลายนิ้วลงบนจอภาพในตำแหน่งที่กำหนดไว้ เพื่อเลือกการทำงานที่ต้องการ ซอฟต์แวร์ที่ใช้จะเป็นตัวค้นหาว่าผู้ใช้เลือกทางเลือกทางใด และทำงานให้ตามนั้น หลักการนี้นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้ผู้ที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่คล่องนักสามารถเลือกข้อมูลที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จะพบการใช้งานมากในร้านอาหารแบบเร่งด่วน หรือใช้แสดงข้อมูลการท่องเที่ยว เป็นต้น


ระบบปากกา (Pen-Based System)


ปากกาแสง (Light pen) 
       ใช้เซลล์แบบซึ่งมีความไวต่อแสงเป็นตัวกำหนดตำแหน่งบนจอภาพ รวมทั้งสามารถใช้วาดลักษณะหรือรูปแบบของข้อมูลให้ปรากฏบนจอภาพ การใช้งานทำได้โดยการแตะปากกาแสงไปบนจอภาพตามตำแหน่งที่ต้องการ นิยมใช้กับงานคอมพิวเตอร์ช่วยการออกแบบ (CAD หรือ Computer Aided Design ) รวมทั้งนิยมให้เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลโดยการเขียนด้วยมือในคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เช่น PDA เป็นต้น



เครื่องอ่านพิกัด (Digitizing tablet) 
       ประกอบด้วยกระดาษที่มี เส้นแบ่ง (Grid) ซึ่งสามารถใช้ปากกาเฉพาะที่เรียกว่า stylus ชี้ไปบนกระดาษนั้น เพื่อส่งข้อมูลตำแหน่งเข้าไปยังคอมพิวเตอร์ ปรากฏเป็นลายเส้นบนจอภาพ เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กับงานด้าน CAD เช่น ใช้ในการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ ตึกอาคาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และหุ่นยนต์ เป็นต้น




อุปกรณ์กวาดข้อมูล (Data Scanning Devices) 
       เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ ระบบวิเคราะห์แสง (Optical recognition system) ช่วยให้มีการพิมพ์ข้อมูลเข้าน้อยที่สุด โดยจะอ่านข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยการใช้สำแสงกวาดผ่านข้อความหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่พิมพ์ไว้ เพื่อนำไปแยกแยะรูปแบบต่อไป ในปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้ในงานต่าง ๆ กันมาก โดยมีอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยม คือ

เอ็มไอซีอาร์ (Magnetic Ink Character Recognition system) 
       ปัจจุบันมีจำนวนผู้นิยมใช้เช็คมากขึ้น จึงมีผู้คิดวิธีการตรวจสอบเช็คให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพ และเชื่อถือได้ โดยได้ประดิษฐ์เครื่อง MIRC ขึ้นใช้ในธนาคารสำหรับตรวจสอบเช็ค โดยเครื่องจะทำการเข้ารหัสธนาคาร รหัสสาขา เลขที่บัญชี และเลขที่เช็ค ไว้ในเช็คทุกใบ จากนั้นจึงส่งเช็คนั้นให้ลูกค้า ตัวเลขที่เข้ารหัสไว้จะเรียกว่า ตัวเลข MIRC ในเช็คทุกใบจะมีเลข สีดำชัดเจนที่ด้านล่างซ้ายของเช็คเสมอ และหลังจากที่เช็คนั้นกลับมาสู่ธนาคารอีกครั้งหนึ่ง ก็จะทำการตรวจสอบจากตัวเลข MIRC ว่าเป็นเช็คของลูกค้าคนนั้นจริงหรือไม่ เครื่อง MIRC ไม่เป็นที่นิยมใช้กับงานประเภทอื่น เพราะชุดของตัวอักษรที่เก็บได้มีสัญลักษณ์เพียง 14 ตัวเท่านั้น



สแกนเนอร์ (Scanner) 
     เป็นอุปกรณ์ที่ใช้อ่านหรือสแกน (scan) ข้อมูลบนเอกสารเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยใช้วิธีส่องแสงไปยังวัตถุที่ต้องการสแกน แสงที่ส่องไปยังวัตถุแล้วสะท้อนกลับมาจะถูกส่งผ่านไปที่ เซลล์ไวแสง (Charge-Coupled Device หรือ CCD) ซึ่งจะทำการตรวจจับความเข้มของแสงที่สะท้อนออกมาจากวัตถุและแปลงให้อยู่ในรูปของข้อมูลทางดิจิตอล เอกสารที่อ่านอาจจะประกอบด้วยข้อความหรือรูปภาพกราฟิกก็ได้
สแกนเนอร์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ อาจแบ่งตามวิธีใช้งานได้เป็น

    สแกนเนอร์มือถือ (Handheld scanner) มีขนาดเล็กสามารถพกพาได้สะดวก การใช้สแกนเนอร์รุ่นมือถือนี้   ผู้ใช้ต้องถือตัวสแกนเนอร์กวาดไปบนภาพหรือวัตถุที่ต้องการ 

     สแกนเนอร์แบบสอดกระดาษ (sheetfed scanner) เป็นสแกนเนอร์ที่ผู้ใช้ต้องสอดภาพหรือเอกสารเข้าไปยังช่องสำหรับอ่านข้อมูล (scan head) เครื่องชนิดนี้จะเหมาะสมสำหรับการอ่นเอกสารที่เป็นแผ่น ๆ แต่ไม่สามารถอ่านเอกสารที่เย็บเป็นเล่มได้ 


     สแกนเนอร์แบบแท่น (flatbed scanner) เป็นสแกนเนอร์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ผู้ใช้เพียงวางกระดาษต้นฉบับที่ต้องการไปบนเครื่องสแกนเนอร์ มีวิธีการทำงานคล้ายกับเครื่องถ่ายเอกสาร ทำให้ใช้งานได้ง่าย 
นอกจากนี้ ยังมีการนำสแกนเนอร์รวมเข้ากับอุปกรณ์ชนิดอื่น เช่น รวมสแกนเนอร์แบบสอดกระดาษเข้ากับแป้นพิมพ์ เป็นต้น ซึ่งทำให้สะดวกต่อการใช้งาน อีกทั้งเป็นการประหยัดเนื้อที่และประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการซื้อแยกชิ้น



เครื่องอ่านเครื่องหมายด้วยแสง (Optical Mark Reader-OMR) 
     โอเอ็มอาร์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้หลักการอ่านสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายที่ระบายด้วยดินสอดำลงในตำแหน่งที่กำหนด ตัวอย่างเช่น ข้อสอบแบบเลือกคำตอบ เป็นต้น โดยดินสอดำที่ใช้นั้นต้องมี สารแม่เหล็ก (magnetic particle) จำนวนหนึ่ง เพื่อให้เครื่องโอเอ็มอาร์สามารถรับรู้ได้ ซึ่งปกติจะเป็นดินสอ 2B จากนั้น เครื่องโอเอ็มอาร์ก็จะอ่านข้อมูลตามเครื่องหมายที่มีการระบายด้วยดินสอดำ



กล้องถ่ายภาพดิจิตอล (Digital Camera) 
     เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับถ่ายภาพแบบไม่ต้องใช้ฟิล์ม โดยเก็บภาพที่ถ่ายไว้ในลักษณะดิจิตอลด้วยอุปกรณ์ (CCD Charge Couples Device) ภาพที่ได้จะประกอบด้วยจุดเล็ก ๆ จำนวนมาก และสามารถนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์สแกนเนอร์อีก เป็นอุปกรณ์ที่เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากไม่ต้องใช้ฟิล์มในการถ่ายภาพและสามารถดูผลลัพธ์ได้จากจอที่ติดอยู่กับกล้องได้ในทันที




กล้องถ่ายทอดวีดีโอดิจิตอล (Digital Video)
      เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับบันทึกภาพเคลื่อนไหวและเก็บเป็นข้อมูลแบบดิจิตอล นิยมใช้ในการทำ การประชุมทางไกลผ่านวีดีโอ (Video Teleconference) ซึ่งเป็นการประชุมแบบกลุ่มผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น ผ่านอินเตอร์เน็ต เป็นต้น อย่างไรก็ดี กล้องถ่ายวีดีโอแบบดิจิตอลยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยสามารถเก็บภาพเคลื่อนไหวได้ประมาณ 10-15 เฟรมต่อวินาทีเท่านั้น


อุปกรณ์วิเคราะห์เสียงพูด (Speech Recognition Device) 
        เป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาโดยนักคอมพิวเตอร์และนักภาษาศาสตร์ เพื่อใช้รับสัญญาณเสียงที่มนุษย์พูด และแปลงเป็นสัญญาณดิจิตอลเก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ ปัญหาที่สำคัญของอุปกรณ์ชนิดนี้คือผู้พูดแต่ละคนพูดด้วยน้ำเสียงและสำเนียงเฉพาะของแต่ละบุคคล จึงได้มีการแก้ปัญหาโดยให้คอมพิวเอตร์ได้เรียนรู้น้ำเสียงของผู้ที่ต้องการใช้งานในระยะเวลาหนึ่งก่อน เพื่อเก็บรูปแบบของน้ำเสียงและสำเนียงไว้ ซึ่งวิธีการนี้ทำให้อัตราการตีความเสียงผิดพลาดลดลงอย่างมาก ในระบบรับข้อมูลเสียงรุ่นแรก ๆ สามารถจดจำคำได้เพียงไม่กี่สิบคำเท่านั้น แต่ปัจจุบัน บริษัทไอบีเอ็มได้มีการสร้างอุปกรณ์ชื่อว่า VoiceType ซึ่งประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่สามารจดจำคำได้ถึง 32,000 คำจากเสียงหลาย ๆ เสียง นิยมนำมาใช้กับผู้ที่ทำงานแล้วมือไม่ว่างพอที่จะกดแป้นพิมพ์ หรือผู้พิการ เช่น คนตาบอด ก็สามารถใช้เสียงทำงานกับคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องใช้แป้นพิมพ์
ในปัจจุบัน สามารถแบ่งวิธีวิเคราะห์เสียงพูดได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะออกเสียง คือ
    Speaker dependent Isolated Word Recognition วิเคราะห์เฉพาะผู้พูดที่เจาะจงและเป็นคำโดด
    Speaker dependent Continuoused Word Recognition วิเคราะห์เฉพาะผู้พูดที่เจาะจงและเป็นคำต่อเนื่อง
    Speaker Independent Isolated Word Recognition วิเคราะห์แบบไม่เจาะจงและเป็นคำโดด
    Speaker Independent Continuoused Word Recognition วิเคราะห์แบบไม่ที่เจาะจงและเป็นคำต่อเนื่อง
ความยากในการสร้างระบบวิเคราะห์จะเพิ่มขึ้นตามลำดับข้อที่กล่าวมา นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น อารมณ์และน้ำเสียงของผู้พูดในขณะนั้น ซึ่งจะทำให้คำคำเดียวกันมีการออกเสียงที่ต่างกันไปได้อีกด้วย

อ้างอิงและขอขอบคุณ- http://www.lks.ac.th

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

My-History


HISTORY

นาย ณัฐกิตติ์  ปินนะ (นิกส์-KNIGs)
ข้อมูลส่วนตัว
   เกิดวันที่ 31/05/2534  อายุ 21 ปี
   สูง 170 ซม.  น้ำหนัก  64 กก.
   กรุ๊ปเลือด  B
   กำลังศึกษาที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่(Chiang Mai Rajabhat University)
   ศึกษา  คณะ  วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  เอกวิชา การโปรแกรมและการรักษาความปลอดภัยบนเว็บ
   รหัสนักศึกษา  55143615
   เชื้อชาติ  ไทย
   สัญชาติ  ไทย
   ภูมิลำเนา   29/1 หมู่ 1 ต.เมืองนะ  อ.เชียงดาว  จ.เชียงใหม่  50170

เรื่องส่วนตัวทั่วไป
นิสัย
      โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าตัวผมหนะเป็นคนค้อนข้างมีความมั่นใจในตัวเองพอประมาณ ให้เกรียติผู้อื่น ขี้เกียจ อัธยาศัยดี เป็นคนดูสุขุม ชอบมองโลกในแง่ร้าย ไม่ชอบไว้ใจใครง่ายๆ แต่เป็นคนที่ไม่มีความอดทนเท่าไหรรักง่ายหน่ายเร็ว เท่าที่ดูมาทั้งหมดมันดูไม่เข้ากันเลยใช่ไมครับก็คนเรามักจะมีสองด้านนี้ก็เป็นทั้งสองด้านของผมหนะครับ
งานอดิเรก
     ผมก็เหมือนๆไวรุ้นทั่วไปครับ ชอบเล่นเกมส์ เที่ยวกลางคืน(ตอนนี้กำลังลดๆอยู่ แหะๆ) ดูหนังฟังเพลงทั่วไป แต่ก็มีหาความรู้ใส่ตัวบ้างเช่น ศึกษาพวกภาษาคอมพิวเตอร์ แล้วก็บางทีก็หาดูเรื่องทั่วไปที่อยากรู้ก็แบบ น้ำมัน 91/95 มันต่างกันยังไง ผมก็ไปศึกษามานิดหน่อยก็ยังไม่เข้าใจเท่าไหรแต่เหมือนว่าเครื่องยนย์ของรถแต่ละขันจะออกแบบมาเพื่อใช้น้ำมันแตกต่างกันตอนที่เราซื้อควรศึกษาแล้วใช้ตามที่เค้าแนะนำมาจะดีที่สุดไม่เกี่ยวว่าใช้อันไหนแล้วจะเร็วกว่ากันประมานนี้
คติประจำใจ
    ก็อย่างที่บอกหละครับผมเป็นขี้สงใสขี้ระแวงไม่ไว้ใจใครง่ายๆ เลยมีคติประจำใจว่า"รู้หน้าไม่รู้ใจ" " เห็นเสื้อในสีสวยแต่ค้างในอาจไม่ใช่ชมพู" (เอิ๊กๆ ขอสุมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ)
ความใผ่ฝันในอณาคต
     ผมหนะตั้งแต่เด็กๆชอบเล่นคอมพิวเตอร์มากแล้ววันหนึ่งคอมดันเสียไม่รู้ทำไงก็ลองเปิดๆปิดๆมันอยู่พักหนึ่งเพื่อมันจะดีแต่ที่ไหนได้ไม่ได้ผลเลยต้องไปบอกแม่ แม่ก็เลยไปบอกพี่ค้างบ้านให้เค้ามาดูให้หน่อยพี่เค้าก็มาดูๆ เส็ดก็ทำอะไรซักอย่างคือจำไม่ได้ประมาน ชั่วโมง สองชั่วโมง ก็เส็ดผมก็ยืนดูแหละเค้าทำไรก็ไม่รู้นะแต่ตอนนั้นรู้สึกเก่งมากเลยพี่เค้าต้องเป็นมืออาชีพสุดท้ายก็เส็ดเลยเกิดความสงใส่ว่าเค้าทำอาชีพอะไรเลยถามแม่ แม่ก็บอกว่าพี่เค้าเป็นช่างซ้อมคอม เลยจุดประกายความฝันผมเลยสักวันต้องทำแบบพี่เค้าให้ได้พอเวลาผ่านไปเริ้มรู้จักโปรแกรมเมอร์เลยรู้สึกไอ้ช่างซ้อมคอมดูเด็กๆไปเลยจากนั้น"โปรแกรมเมอร์"เลยกลายมาเป็นความฝันของผมในปัจจุบันครับ
ทำไมถึงเรียน"การโปรแกรมและการรักษาความปลอดภัยบนเว็บ"
     ตอนแรกผมเรียน คอมธุรกิจ แล้วก็ย้ายหรือซิ้วมาเรียนตรงนี้"ทำไมถึงย้าย"ก็เพราะว่าผมไม่ค่อยถูกชะตากับเรื่องพวกธุระกิจหละมั่งแล้วอีกอย่างความฝันผมหนะอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ไม่ได้อยากเป็นนักธุระกิจซักหน่อยเลยตัดสินใจออกตอนแรกกะไปเรียน วิศวะ ซอฟแวร์ ของเทคโน แต่มันดันเปลี่ยนชื่อเป็นคอมพิวเตอร์เพื่อการสื่อสารอะไรซักอย่างเลยคิดว่าไปเรียนนั้นเดียวก็เหมือนคอมธุระกิจอีกหลอกเพราะผมลองไปหาหลักสูตรที่เค้าสอนมันดันไม่มีบอกมันเป็นเอกใหม่ด้วยมั่งเลยหาไม่เจอที่นี้ก็กลับมาหาดูของหลายๆ มหาลัยดูหาอยู่นานก็ไม่เจอที่ถูกใจ อ๊ะลืมบอกผมจบสายศิล-ทั่วไปมา มันเลยหาที่เรียนลำบากแต่สุดท้ายก็มาเจอนี้หละทุกอย่างน่าจะลงตัวเลยตัดสินใจลงเอกนี้เป็นอันดับหนึ่งเลยตอนแรกก็หวั่นๆว่าจะเข้าได้ไมนะ คณะวิท ซะด้วยแต่พอเข้ามาแล้วตอนแรกผิดหวั่งนิดหน่อยแต่ตอนนี้ชอบเอกนี้มากครับ
วีรกรรมในวัยเด็ก
    เรื่องความซนในวัยเด็กดีกว่าแน่นอนทุกคนคงมี วีรกรรม ในวัยเด็กกันแน่ๆ ผมก็เช่นกันมีเยอะเลยหละ ซนมากตอนเด็กๆ ผมขอเอาเรื่องความเป็นความตายเลยแล้วกัน เหอะๆ จริงๆนะแต่ไม่ใช่ผมหรอกที่จะตาย เป็นน้องผมหนะก็เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนนั้นผมกับพี่ชายและน้องชายรวมผมเป็นสามคนอายุก็ไล่เลี่ยกันนั้นแหละครับ ผมกับพี่หนะปกติแล้วชอบแกล้งน้องคนเล็กเพราะพี่แกล้งผมไม่ค่อยได้ก็ผมตัวโตกว่าพี่ซะอีก แล้วพี่ก็อายุมากกว่าผมก็ไม่กล้าแกล้งเท่าไหร่ ดังนั้นเป้าหมายเดียวก็คือคนเล็กซึ่งเป็นน้องแท้ๆของผม เราสามคนไม่ค่อยมีเพื่อนแถวบ้านซะด้วย จะไปไหนจะเล่นอะไรก็เล่นกันอยู่สามคนพี่น้อง วันนั้นเป็นวันหยุดน่าจะวันเสาร์เพราะหลังจากแกล้งน้องเสร็จก็ต้องง้อมันยกใหญ่เลย เรื่องมันมีอยู่ว่าวันนั้นก็เมื่อวันหยุดปกติคือผมกับน้องก็จะไปเล่นกันที่บ้านของพี่ชายที่อยู่ไกล้ๆกัน แล้วบ้านพี่จะมีคอมพิวเตอร์อยู่สองเครื่อง เครื่องหนึ่งพี่ก็เล่นอีกเครื่องผมกับน้องก็จะเปลี่ยนกันเล่นแต่วันนั้นผมเกิดมันมือไม่ยอมแบ่งให้น้องเล่นแก่เลยงอแงร้องให้ไปฟ้องป้าซะ ผมกับพี่เลยโดนทำโทษเลยให้น้องเล่นคอมแล้วผมกับพี่ไปถูบ้านซะเวรกรรม หลังจากนั้นผมกับพี่ก็เกิดหมั่นไส้น้องขึ้นมาเลยว่างแผนกันไงว่าจะไม่ยอมคุย ไม่ยอมเล่นด้วยหลังจากถูบ้านเสร็จ ผมกับพี่ก็ไปเล่น VDO Game กันสองคนน้องเห็นผมกับพี่เล่นกันสนุกเลยอยากเล่นด้วยทีนี้แก่ก็มาหาบอกว่าอยากเล่นด้วยผมกับพี่เลยทิ้งให้แกเล่นแล้วก็ไปเล่นคอมต่อ แกก็เริ่มน้อยใจละ ผมกับพี่ก็แกล้งแก่อยู่อย่างนั้นประมาณพักหนึ่ง แกก็บอกว่าจะไปฟ้องป้าอีก ผมกับพี่เลยบอกไปว่าไปฟ้องอีกก็จะไม่เล่นด้วยเลยตลอดไป ทีนี้แกก็ไม่กล้าไปฟ้องผมกับพี่เลยไปนั่งเล่นกันที่ระเบียงชั้น 3 แกก็ตามมาผมกับพี่ก็ไม่สนใจคุยกันแค่สองคนแกเริ่มรู้สึกกดดัน เลยบอกว่าถ้าไม่มีใครสนใจนะจะ "ฆ่าตัวตาย" ผมกับพี่ได้ยินก็ขำแล้วก็หันกลับไปถามว่าจะฆ่าตัวตายยังไง แกก็เดินไปที่ขอบระเบียงแล้วบอกว่าจะโดดตึกตายผมกับพี่ก็ขำอีกแล้วก็ไม่สนใจคุยกันต่อ ทีนี้แกก็เอาเลยหย่อนเท้าลงไปก็ยังไม่มีใครสนใจ แกก็บอกอีกว่า "จะโดดแล้วน้า" ก็ยังไม่มีใครสนใจอีกทีนี้แกลงไปเลยครึ่งตัวโดยหันหน้าเข้ามาแล้วใช้มือยันตัวเองไว้ทีนี้ผมกับพี่ก็เริ่มสนใจละ แล้วก็หันไปดูแล้วก็พูดจาขู่อีกว่าลงไปตายจริงๆน้าอะ มันเริ่มนานแล้วไงแกเริ่มหมดแรงมือที่ยันตัวไว้ก็ ฟุ๊บ แก่ลงไปห้อยโตงเตงเลยทีนี้ผมกับพี่ลุกวิ่งไปจับมือไว้ดึงขึ้นมาแกร้องให้ใหญ่เลยวินาทีนั้นผมกลัวมากถ้าเกิดแกตกไปจะทำไง หลังจากนั้นเลยไม่แกล้งแกแบบนั้นอีกเลย เหอะๆ แม้ใจร้ายจริงๆ เลยนะพี่ชายสองคนนี้ เอิ๊กๆ ก็นะนั้นมันตอนเด็กๆ

สวัสดีครับ ขอบคุณที่อ่านคร๊าบ ^^